ความปลอดภัยกับการเปลี่ยนแปลง มุ่งสู่วัฒนธรรมเชิงป้องกันอย่างยั่งยืน
เผยแพร่เมื่อ 02/08/2564...,
เขียนโดย คุณสวินทร์ พงษ์เก่า
กรรมการบริหาร
สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน(ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์...,
เรื่อง ความปลอดภัยกับการเปลี่ยนแปลง
มุ่งสู่วัฒนธรรมเชิงป้องกันอย่างยั่งยืน
การเปลี่ยนแปลง ( Change) เป็นสิ่งที่เราได้พบตลอดช่วงชีวิติของมนุษย์ในวัยเด็ก ครอบครัวของเราเป็นผู้กำหนดทิศทางการเปลี่ยนแปลง ต่อมาเมื่อเราเข้าสู่วัยเรียน ครู อาจารย์ ได้เป็นผู้ชี้และแนะนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจวบจนเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่เข้าสู่วัยทำงาน องค์กรที่เราได้ไปร่วมงาน เป็นผู้กำหนดทิศทางการเปลี่ยนแปลง คำถามที่เรามักจะถามกันเสมอว่าทำไมเราจึงต้องเปลี่ยนแปลง เพราะโดยทั่วไปเราจะได้ยินคำว่า "การต่อต้านการเปลี่ยนแปลง" ( Resistance to change) เราอาจเคยได้ยินคำว่า คนที่แข็งแรงที่สุดอาจไม่ใช่เป็นคนที่อยู่รอดในสังคมยุคปัจจุบันเสมอไป แต่คนที่ปรับตัวได้ดีและเร็วที่สุด จะเป็นคนที่อยู่รอดในปัจจุบัน
ปัจจัยที่มีอิธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงขององค์กรในปัจจุบันที่ทำให้เราต้องเสริมสร้างให้ทุกองค์กรเกิดวัฒนธรรมเชิงป้องกันอย่างเข้มข้น เพราะรูปแบบของปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อความปลอดภัย สุขภาพอนามัยและความผาสุก ( Safety Health Well being) ที่มีลักษณะที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น กรณีศึกษา Covid 19 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและเป็นวงกว้างมากกว่าอุบัติภัยร้ายแรงที่สุดที่องค์กรเคยเผชิญมา เช่น กรณี กรณีศึกษาอุบัติเหตุสารเคมีอันตรายรั่วไหล โรงงานยูเนียนคาร์ไบด์
อุบัติเหตุสารเคมีอันตรายรั่วไหล โรงงานยูเนียนคาร์ไบด์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2527 ได้เกิดการรั่วไหลของก๊าซพิษชื่อ เมทิล ไอโซไซยาเนต (Methyl Isocyanate) รั่วไหลออกมาจากถัง เก็บใต้ดินขนาด 45 ตัน ที่โรงงานผลิตยาฆ่าแมลงของบริษัท ยูเนียน คาร์ไบด์ อันเป็นโรงงานผลิตสารเคมี โรงงานนี้ตั้งอยู่ที่บริเวณชานเมืองโพปาล ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐมัธยมประเทศ มีประชากรอาศัยอยู่ 672,000 คน ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเดลลีไปทางใต้ประมาณ 466 ไมล์
การรั่วไหลของก๊าซพิษดังกล่าว ก่อให้เกิดหมอกควันพิษครอบคลุมทั่วบริเวณ 25 ตารางไมล์ เป็นระยะเวลา 1 ชม. เศษ เป็นเหตุให้ผู้คนเสียชีวิตโดยทันที่ 200 คน และในระยะต่อมาก็ได้มีการทยอยเสียชีวิตลงเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 2,500 คน จึงนับเป็นอุบัติเหตุที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกในภาคอุตสาหกรรมที่เคยมีมา
จากผลการสอบสวนโดยสรุป และเราใช้แบบจำลองการควบคุมความสูญเสีย (Loss Causation Model ) มาวิเคราะห์
พบสาเหตุที่ทำให้เกิดความสูญเสียนั้น เกิดจากการขาดการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ (Lack of Management Control) โดยมีสาเหตุพื้นฐาน มาจากปัจจัยคน (Personal Factor) และปัจจัยงาน (Job Factor)
โดยทั้ง 2 ปัจจัย ไม่มุ่งเน้นแนวคิดการการควบคุมเชิงการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียเป็นหัวใจสำคัญ อีกทั้งไม่สร้างเสริมให้แนวคิดการป้องกันถูกปลูกฝังให้เกิดเป็นวัฒนธรรมในการบริหารและวัฒนธรรมเชิงป้องกันในผู้ปฎิบัติงานทุกระดับอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่ทำให้ให้องค์กรต้องสร้างวัฒนธรรมเชิงป้องกัน
1. ผู้ปฎิบัติงานทุกคนในองค์กรเป็นสิ่งที่มีค่าและหาทดแทนไม่ได้ โดยมองเป็นทุนมนุษย์ที่มิได้มองทุนเป็นแต่เพียงตัวเงินอย่างเดียว ทุนมนุษย์ในปัจจุบันได้รับการยอมรับจากภาครัฐและเอกชนว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันองค์กรสามารถก้าวไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้อย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างศักยภาพให้องค์กรแข็งแกร่ง
2. ปัจจัยด้านสังคม โดยได้เปลี่ยนเข้าสู่สังคมดิจิทัล (Digital Society) รูปแบบของปัจจัยเสี่ยงด้านความปลอดภัย สุขภาพอนามัยและความผาสุก (Safety Health Wellbeing) ของผู้ปฎิบัติงานเปลี่ยนไป จากการที่ผู้ปฎิบัติงานต้องสัมผัสอันตรายที่ทำให้เกิดการชน กระแทก ตัด หนีบ ดึงเกี่ยว โดยตรง ปรับเปลี่ยนมาเป็นความเสี่ยงที่เกิดจากพฤติกรรมการกิน อยู่ หลับนอนมากขึ้น
3. สังคมสูงวัย (Aging Society) ใน ปี 2563 โครงสร้างประชากรไทยจะมีประชากรผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) มีจำนวน 12 ล้านคน (ร้อยละ 18) เพิ่มเป็น 20.42 ล้านคน (ร้อยละ 31.28) ในปี 2583. เมื่อสังคมมีแนวโน้มที่จะมีประประชากรสูงอายุมากขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนาศักยภาพให้แรงงานสูงอายุสามารถทำงานได้ โดยมีการขยายอายุการออกไป การเสริมสร้างให้ประชากรสูงอายุให้มีความแข็งแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อรักษาและธำรงค์ไว้ให้มีศักยภาพสูงสุด สอดคล้องกับวัยที่มีการเปลี่ยนแปลง
4. ปัจจัยด้านเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI), เทคโนโลยีไร้สาย (Wireless Technology) จะถูกนำมาใช้ในการทำงานร่วมกับมนุษย์ มากขึ้น
5. ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมจะเป็นสิ่งที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (Climate Change) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการกำหนดยุทธศาสตร์ของทุกประเทศทั่วโลก และทุกภาคการผลิตต้องให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น Product และ Service ต้อง ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
จากปัจจัย 5 ประการที่ได้กล่าวมาข้างต้น เราและองค์กรของเรา คงไม่อาจต้านการเปลี่ยนแปลงได้อีกต่อไป เราและองค์กรจะต้องวางแผนในการรองรับการเปลี่ยนแปลง (Change) โดยต้องเปลี่ยนแปลงทั้งแนวคิดของผู้บริหาร แนวคิดของบุคคลากรทุกระดับ วิธีการบริหารจัดการ และสร้าง บรรยากาศภายในองค์กรให้มีแนวคิดเชิงป้องกัน ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการสร้างวัฒนธรรมเชิงป้องกัน (Preventive Culture) สู่ความยั่งยืน