ประสบการณ์ “จัดการเพื่อป้องกันโควิดในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ (Major project)”
เผยแพร่เมื่อ: 09/08/2564....,
เขียนโดย ศิษย์เก่า อาชีวอนามัยและความปลอดภัย รุ่นที่ 36 มหาวิทยลัยมหิดล
ประสบการณ์ “จัดการเพื่อป้องกันโควิดในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ (Major project)”
ทุกๆ โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ (และขนาดที่เล็กลงมา) ถ้าต้องการรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ จะต้องเริ่มต้นจากการมีกลยุทธ์พิชิตโควิดในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ให้ทันต่อเทคโนโลยี่ใหม่ๆ ที่เข้ามา และ ให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น กลยุทธ์ปี 2019-2020 เราคืออะไร , กลยุทธ์ปี 2021 เราคืออะไร , จะเตรียมกลยุทธ์ปี 2022 ของเราอย่างไร เป็นต้น
ผมเคยมีประสบการณ์ดูแลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เป็นการสร้างโรงงานปิโตรเคมี จำนวน 2 โรงงาน (เป็น Green field project2 โครงการ) ในช่วงที่มีการระบาดของโควิดในปี 2019 – 2020 ในฐานะที่เป็นทีมของบริษัทที่เป็นเจ้าของโครงการ (Plant owner) โดยทำงานร่วมกันกับทีมบริหารโครงการ (Project management), Main contractor และ Sub-contractor โดยในแต่ละโครงการ มีคนทำงานเป็นจำนวนมาก ในช่วงที่ Peak จะมีผู้ปฏิบัติงานประมาณ 4 – 5 พันต่อโครงการ มีชั่วโมงการทำงานเดือนละ 5 แสน – มากกว่า 1 ล้านชั่วโมงการทำงานต่อเดือนต่อโครงการ จากมาตรการโควิดที่เราได้กำหนดขึ้น และกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรา “บรรลุเป้าหมายไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด ตลอดช่วงโครงการ”
กลยุทธ์พิชิตโควิดปี 2019 - 2020
โควิดที่เกิดขึ้นระลอก ปี 2019– 2020 เป็นระลอกแรกๆ โดยมาตรการฯ ที่เป็นหัวใจสำคัญ มี 5 เรื่อง ได้แก่
1. การมีส่วนร่วม ทุกระดับ และ ทั้ง Owner & contractors:
o จัดตั้ง “คณะกรรมการบริหารวิกฤติโควิด และ จัดการแผนฉุกเฉินกรณีมีผู้ติดเชื้อในพื้นที่” โดยคณะกรรมชุดนี้ มี “Owner project Director เป็นหัวหน้าคณะทำงาน, มี Management team จากทั้ง Owner และ Main contractor เป็นกรรมการ” แบ่งเป็นทีมต่างๆ เช่น SHE ของ Owner เป็นเลขาฯ และเป็นทีมวิชาการ, Construction manager & Main contractor project director รวมถึงทีมงานจาก Sub-contractor เป็นทีมปฏิบัติการ, ทีม Admin. เป็นทีมทำความสะอาด และการสื่อสารองค์กร (รวมถึงรถรับส่ง) เป็นต้น
o มีเกณฑ์ชี้บ่งระดับ “ผู้ติดเชื้อ และ กลุ่มเสี่ยง เป็น Level ต่างๆ โดยแต่ละ Level จะมี Action รองรับชัดเจน เช่น ผู้ติดเชื้อคือ Tier 0 ต้องถูก Isolation เพื่อรักษา Tier 2 คือ ผู้สัมผัสใกล้ชิด จะถูกตรวจเชื้อและให้กักตัว (Quarantine) 14 วัน , Tier 3A คือ ผู้ใกล้ชิด Tier 2 ก็จะให้กักตัว 14 วัน เป็นต้น
o มีการรายงาน Status ผล Performance ด้านการจัดการโควิด ทุกวัน โดยรายงานผลว่า “Status ในแต่ละ Tier เป็นอย่างไร และ ผลการ Screening คนเข้า Plant ประจำวันเป็นอย่างไร รวมถึงข้อมูลข่าวสารที่สำคัญ”
o จัดประชุมกันอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง เพื่อทบทวนสถานการณ์ทั้งระดับประเทศ ระดับจังหวัด และ ในโครงการของเราเอง, ตัดสินใจเกี่ยวกับระเบียบใหม่ๆ เกี่ยวกับโควิด, ทบทวนข่าวสารใหม่ และกฎหมายใหม่
2. กฎหมายทีมีการประกาศและบังคับใช้เกี่ยวกับโควิด
o โควิดนอกจากต้องจะใช้หลักวิชาการและหลักวิทยาศาสตร์ในการป้องกันโรค แล้วสิ่งหนึ่งที่ต้อง Up to date และ พลาดไม่ได้เลย คือ กฎหมาย โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดหนักๆ จะมีกฎหมายเกิดขึ้นเยอะมาก ๆ ซึ่งกฎหมายก็จะมีบทลงโทษ (จริงๆ กฎหมายเกี่ยวกับโควิด จะเป็นกฎหมายเชิงเทคนิคคอล แค่เราทำได้ครบ 100% ตามที่กฎหมายกำหนด เราจะป้องกันโควิดได้แล้ว และ ที่สำคัญกฎหมายหากเราใช้ให้เป็น จะเกิดประโยชน์ Momentum ในการผลักให้เกิดมาตรการได้ง่ายขึ้นมากๆ)
3. ตัดสินใจด้วยข้อมูล ด้วยหลักวิชาการ และด้วยวิทยาศาสตร์
o การที่จะป้องกันวิกฤติโควิดได้อย่างถูกต้อง จะต้องใช้หลักวิทยาศาสตร์
o มาตรการต่างๆ จะต้องยึดตามหลักวิชาการ หลักวิทยาศาสตร์ และ กฎหมาย เพื่อเสนอให้ “คณะกรรมการโควิด พิจารณา และ ตัดสินใจประกาศใช้”
4. DMHTT effectiveness
o ทำให้ DMHTT Effective เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมได้นั้น จะต้องให้ Sub-contractor ย่อยๆ เข้ามามีส่วนร่วม มากกว่า สั่งการผ่าน Main contractor เท่านั้น
o ในช่วงนั้น ที่จังหวัดระยอง มีประกาศมาตรการป้องกันโควิดเกี่ยวกับโครงการก่อสร้าง โดยประกาศฉบับนี้ ทำได้ค่อนข้างดี เราก็ได้นำขอกฎหมายฉบับนี้มาประยุกต์ใช้ (แบ่งเป็นมาตรการขณะทำงาน , มาตรการที่พักอาศัยและที่พักระหว่างทำงาน , มาตรการขณะเดินทางมาทำงาน) รายละเอียดของ Checklist ตามกฎหมายตามที่ได้อ้างถึง ตาม Link ครับ : http://jigsawinnovation.com/project/rayongweb/assets/uploads/department/document/20200405_68928.pdf
o นอกจากจะมีข้อกฎหมายแล้ว ทางรากชารฯ เข้ามาตรวจที่ Site และ Camp คนงาน เพื่อตรวจประเมินการปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่ (โครงการที่ผมดูแล เป็นโครงการแรก ของจังหวัดเลย … ประมาณว่าใหม่ทั้งคนตรวจ และคนถูกตรวจ)
o เป็นมาตรการตามประกาศฉบับนี้ ดีมากๆ แม้ว่าทางหน่วยงานราชการจะไม่ได้เข้ามาตรวจแล้วเหมือนในอดีต แต่ปัจจุบันแนวทางตามกฎหมายฉบับนี้ เรายังใช้เป็นแนวทางในการกำหนดเป็นมาตรการ เพื่อให้ DMHTT เกิด Effectiveness อยู่อย่างต่อเนื่อง
o นอกจากการทำ DMHTT Effectiveness อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องทำอย่างต่อเนื่องก็คือ การ COVID Risk screening สำหรับทุกๆ คนในโครงการ และ บุคคลภายนอกที่จะเข้าพื้นที่
5. แผนฉุกเฉิน และการฝึกซ้อม
o จัดทำแผนฉุกเฉิน กรณี ที่มีผู้ติดเชื้อ และ จัดให้มีการฝึกซ้อม ซึ่งแผนนี้ เป็น BCP ด้วย เพื่อทำให้ Construction สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องไม่หยุดชะงักแม้จะมีผู้ติดเชื้อ
กลยุทธ์พิชิตโควิดปี 2021
ระลอกนี้ ปี 2021 หนักกว่าปีที่ผ่านๆ มา เยอะมากๆ โดยในกลุ่มบริษัทฯ เดียวกัน ก็ยังมีโครงการก่อสร้าง (Construction site) อยู่ ซึ่งนอกจากจะต้อง Maintain มาตรการเดิมที่มีอยู่ ให้แข็งแรงอย่างต่อเนื่องแล้ว ได้มีการเพิ่มกลยุทธ์สำคัญ อีก 3 เรื่อง คือ
1. COVID Testing
o การ Testing มีความสำคัญ คือ “Test เยอะ Test เร็ว จะทำให้เรา Isolation ผู้ป่วยได้เร็วมากขึ้น คนจะที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจะลดลง โอกาสในการเกิด Cluster ก็จะลดลง”
o ตรวจเชื้อทุกคนด้วย Rapid Antigen Test แบบปูพรม 100%
o ตรวจเชื้อ ครั้งถัดไป เดือน ละ 25% โดยจะครบ 100% ทุกๆ 4 เดือน
o เพื่อดูว่าใครมีผลเป็น “บวก” ก็จะ Confirm ด้วย RT-PCR หากเป็นบวก ก็จะส่ง Isolation ต่อไป
2. Vaccine
o ให้ Contractor& Sub-contractor เร่งลงทะเบียน และจัดหาวัคซีน ให้ผู้ปฏิบัติฉีดให้ได้มากที่สุด จนมีจำนวนมากพอที่จะเกิด Herd immunity ในโครงการ
3. Bubble and Seal:
o ศึกษา และเตรียมการ มาตรการ Bubble and Seal โดยยึดตามข้อกำหนดของกฎหมาย และ แนวทาง Bubble and Seal ของราชการ
o นอกจาก Bubble and Seal แล้ว มีการศึกษา เกี่ยวกับมาตรรองรับ กรณี มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก โดยวางแผนและเตรียมการ ไว้ กรณี ที่ต้องจัดทำ Community Isolation(ศูนย์พักคอย) หรือ แม้กระทั้งโรงพยาบาลสนาม ในพื้นที่โครงการ (หากจำเป็น ก็จะสามารถดำเนินการได้ ทันที)
o แนวทางการควบคุมโรคโดยหลักการ Bubble and Seal จากตามกรมควบคุมโรค (วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ) ตามLink : https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/file/g_other/bubble_and_seal_200764.pdf
o ตัวอย่างการอธิบายการทำ Bubble and Seal ตาม Link : http://osh3.labour.go.th/2015-12-03-04-55-08/808-%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3-bubble-and-seal-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3
กลยุทธ์พิชิตโควิดปี 2022
o เนื่องจากวิกฤติโควิด เป็นวิกฤติที่อยู่นอกตำรา ไม่มีสูตรสำเร็จในการจัดการ ไม่มีใครเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง เป็นสิ่งใหม่สำหรับทุกๆ คนบนโลกใบนี้ พวกเรากำลังเผชิญหน้ากับสิ่งนี้พร้อมๆ กัน เราต้องเรียนรู้ และ ปรับตัวเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การจัดการวิกฤติในแต่ละช่วงเวลาจึงมีความแตกต่าง หากเราสังเกตุในช่วงที่ผ่านๆ มา เราจะเห็นว่า “องค์กรใดที่ไม่ปรับตัวเปลี่ยนแปลง หรือ ปรับเปลี่ยนไม่ทันต่อสถานการณ์ ก็จะทำโดนผลกระทบหนักมากๆ จากวิกฤติครั้งนี้” แต่ในขณะที่องค์กรที่ปรับตัวเปลี่ยนแปลงได้ทันก็จะได้รับผลกระทบที่น้อยกว่า
o ถ้าถามว่าปี 2022 จะเป็นอย่างไร เราไม่สามารถรู้อนาคตได้ 100% ว่าจะเป็นอย่างไร จะวางกลยุทธ์อย่างไร เราก็ไม่สามารถที่จะกำหนดได้อย่างแม่นยำ 100% ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทุกๆ องค์กร ทุกๆ โครงการ ทุกๆ คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ จะต้องมีวิธีคิด และย้ำกับตัวเองตลอดเวลา ว่า “วิกฤติครั้งนี้เราต้องเรียนรู้ และ ปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ (ที่เปลี่ยนแปลง และ ไม่มีความแน่นอน) อยู่เสมอ”