สามอันตรายหลักจากรถกระเช้าชนิดกรรไกร (Three Major Hazards from Scissor Lift)
เผยแพร่เมื่อ: 22/10/2563....,
เขียนโดย คุณวุฒินันทน์ ปัทมวิสุทธิ์
กรรมการสาขาวิศวกรรมความปลอดภัย วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.)
รองประธานอนุกรรมการเทคโนโลยีไฟฟ้าและเครื่องจักรกล สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์
อุปนายก สมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร (BSA)
สามอันตรายหลักจากรถกระเช้าชนิดกรรไกร
(Three Major Hazards from Scissor Lift)
ปัจจุบันมีการใช้เครื่องจักรยกคนขึ้นทำงานบนที่สูงในงานอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในเครื่องจักรยกคนที่นิยมใช้กันมากทั้งในโรงงานและงานก่อสร้างคือ รถกระเช้าชนิดกรรไกร เนื่องจากมีความปลอดภัยค่อนข้างสูงในการทำงาน แต่หากมีการใช้งานที่ไม่ถูกต้องแล้ว ก็อาจส่งผลให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงกับผู้ปฏิบัติงานได้ จึงจำเป็นยิ่งที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น วิศวกร ผู้ควบคุมงาน จป. และผู้ปฏิบัติงานต้องมีความเข้าใจถึงอันตราย ความเสี่ยง และเทคนิคการป้องกันอันตรายเพื่อลดความรุนแรงและการบาดเจ็บ เสียชีวิตที่อาจจะเกิดขึ้นได้
อันตรายจากรถกระเช้าชนิดกรรไกร
รถกระเช้าชนิดกรรไกร (Scissor Lift, X-Lift) จัดเป็นรถกระเช้าประเภทขับเคลื่อนได้ในตัวเองที่มีการทำงานขึ้น-ลงในแนวดิ่ง โดยกลไกโครงสร้างหลักที่ใช้ในการยกกระเช้าคล้ายกรรไกรและสามารถขับเคลื่อนไปในแนวราบได้ จากสถิติของหน่วยงานบริหารอาชีวอนามัยและความปลอดภัยแห่งสหรัฐอเมริกา (OSHA) พบว่ามีอุบัติเหตุจากรถกระเช้าชนิดนี้มากกว่า 20 กรณีในแต่ละปีที่สามารถป้องกันได้ โดยส่วนใหญ่เกิดจาก 3 กรณีหลัก ดังนี้
- การป้องกันการตกจากที่สูง
- เสถียรภาพของรถกระเช้า
- ตำแหน่งทำงานของรถกระเช้า
การใช้งานรถกระเช้าชนิดกรรไกรอย่างปลอดภัย
o ผู้ปฏิบัติงานจำเป็นยิ่งที่จะต้องเข้าสำรวจพื้นที่ปฏิบัติงานเพื่อชี้บ่งอันตราย เพื่อเลือกใช้ชนิดของรถกระเช้าที่เหมาะสม
o ผู้บังคับรถกระเช้าชนิดกรรไกรต้องทำการประเมินการควบคุมที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตกจากที่สูง เสถียรภาพ และตำแหน่งทำงานที่เหมาะสมของรถกระเช้า
o ผู้บังคับรถกระเช้าชนิดกรรไกรต้องได้รับการฝึกอบรมและผ่านการทดสอบในภาคปฏิบัติ
o การใช้งานรถกระเช้าชนิดกรรไกรต้องปฏิบัติตามคู่มือของผู้ผลิต ขั้นตอนการปฏิบัติงาน อย่างเคร่งครัด และสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล (PPE) ตลอดเวลาในการปฏิบัติงาน
การป้องกันการตกจากที่สูง
รถกระเช้าชนิดกรรไกรต้องมีราวกันตกติดตั้งเพื่อป้องกันผู้ปฏิบัติงานโดยมีข้อควรปฏิบัติดังนี้
- ตรวจสอบสภาพของราวกันตกทุกครั้งก่อนปฏิบัติงาน
- ขณะทำงานต้องยืนบนพื้นกระเช้าเท่านั้น ห้ามปีน ยืน บนราวกันตกโดยเด็ดขาด
- ปฏิบัติงานภายในระยะเอื้อมถึงได้โดยสะดวกเท่านั้น ห้ามพิงราวกันตกออกไปด้านนอก
เสถียรภาพของรถกระเช้า
ผู้ปฏิบัติงานต้องแน่ใจว่ารถกระเช้าชนิดกรรไกรตั้งอย่างมั่นคงและจะไม่พลิกคว่ำหรือถล่ม นอกจากนั้น ยังมีข้อควรระวังสำหรับผู้ปฏิบัติงานดังนี้
- ในการเคลื่อนที่ของรถกระเช้า ต้องปฏิบัติตามคู่มือผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเคลื่อนที่ขณะกระเช้าอยู่ในระดับสูง
- ให้ปิดกั้นพื้นที่การจราจรของรถและเครื่องจักรอื่น ออกจากพื้นที่การทำงานของรถกระเช้า
- พื้นที่ปฏิบัติงานต้องมั่นคง ระดับพื้นอยู่ในระนาบ ไม่มีหลุม บ่อ เอียง สิ่งกีดขวาง ขยะ เป็นต้น
- ใช้งานในพื้นที่นอกอาคาร เมื่อสภาพอากาศไม่มีสภาพลมแรง โดยทั่วไปจะจำกัดความเร็วลมที่เหมาะสมไว้ไม่เกิน 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (28 ไมล์ต่อชั่วโมง)
โดยทั่วไป รถกระเช้าชนิดกรรไกรมีความมั่นคงในการทำงานสูงมาก แต่การถล่มก็อาจเกิดขึ้นได้ หากว่า
- ระบบความปลอดภัยในการหยุดยั้งการลดระดับของรถกระเช้าอย่างรวดเร็ว ต้องได้รับการบำรุงรักษาและตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ
- ห้ามยกน้ำหนักบนกระเช้าเกินกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดโดยเด็ดขาด
- ห้ามใช้เครื่องจักรอื่น เช่น รถยก (Forklift) ยกรถกระเช้าเพื่อเพิ่มความสูง
- ในการยกระดับกระเช้าขึ้นทำงาน ต้องเฝ้าระวังการเคลื่อนที่ของรถและเครื่องจักรอื่นๆ ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ใกล้เคียง
ตำแหน่งทำงานของรถกระเช้า
การจัดวางตำแหน่งเพื่อปฏิบัติงานของรถกระเช้าชนิดกรรไกร เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือถูกไฟฟ้าเหนี่ยวนำ นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง
การชนของรถกระเช้าชนิดกรรไกรมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ในพื้นที่ปฏิบัติงาน ดังนั้นผู้ปฏิบัติงานต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายเมื่อทำงานในพื้นที่ดังนี้
- รถกระเช้าขณะเคลื่อนที่ใกล้ผ่านหรือลอดใต้วัสดุหรือสิ่งกีดขวาง
- รถหรือเครื่องจักรที่เคลื่อนที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ใกล้เคียง
เมื่อมีการใช้รถกระเช้าชนิดกรรไกรใกล้สายไฟฟ้าแรงสูง มีโอกาสที่จะเกิดไฟฟ้าเหนี่ยวนำ การระเบิดจากการอาร์ก หรือการเผาไหม้จากความร้อนสูง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ขณะปฏิบัติงานใกล้สายไฟฟ้าแรงสูงที่มีกระแสไฟฟ้าไหลและไม่สามารถตัดแหล่งจ่ายไฟฟ้าได้ แม้ว่าผู้ปฏิบัติงานจะไม่ได้สัมผัสสายไฟฟ้านั้นก็ตามดังนั้นตำแหน่งในการปฏิบัติงานจึงจำเป็นที่จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยโดยการบริหารจัดการดังนี้
- ควบคุมพื้นที่ปฏิบัติงานไม่ให้รถกระเช้าใกล้สายไฟฟ้ามากเกินไป
- ใช้ผู้นำทางภาคพื้นดินขณะเคลื่อนที่บนพื้นที่ปฏิบัติงานใกล้สายไฟฟ้า
- เลือกปฏิบัติงานในพื้นที่ห่างจากสายไฟฟ้าแรงสูงอย่างน้อย 3.05 เมตร และรักษาระยะห่างจากสิ่งอันตรายเหนือรถกระเช้าทั้งนี้ในกรณีที่เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูงขนาดใหญ่ควรตรวจสอบระยะห่างที่เหมาะสมจากคู่มือผู้ผลิตหรือการไฟฟ้าท้องถิ่น
- หากมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการทำงานใกล้สายไฟฟ้า ให้ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องผ่านการอบรมความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้าก่อนเข้าปฏิบัติงาน
การบำรุงรักษารถกระเช้า
โดยทั่วไป ผู้ผลิตจะให้คำแนะนำเบื้องต้นอย่างน้อยดังนี้
- ตรวจสอบและทดสอบการควบคุมและการทำงานก่อนเริ่มปฏิบัติงานแต่ละครั้ง
- ตรวจสอบสภาพของราวกันตกทุกครั้งก่อนเริ่มงาน
- ตรวจสอบสภาพเบรก เพื่อหยุดรถกระเช้าในตำแหน่งต่างๆ
การฝึกอบรมของผู้ปฏิบัติงาน
ผู้ปฏิบัติงานต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างน้อยในหัวข้อหลักดังนี้
- คำแนะนำของผู้ผลิตในการควบคุมและในขณะเคลื่อนที่
- วิธีการจัดการวัสดุบนรถกระเช้าและพิกัดยกที่สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย
- อันตรายในพื้นที่ปฏิบัติงานขณะทำงานบนรถกระเช้าชนิดกรรไกร
- รายงานข้อบกพร่องของอุปกรณ์และการบำรุงรักษาที่จำเป็น
References:
- https://www.osha.gov/Publications/OSHA3842.pdf
- https://www.osha.gov/laws-regs/standardinterpretations/1995-05-24-2
- https://askhitec.co.uk/scissor-lift-safety-practices/
- https://www.constructionequipment.com/components-safe-scissor-lift-use
- https://www.macallisterrentals.com/aerial-lift-operator-safety/