บทบาทของ จป. ในยุค 4.0
เผยแพร่เมื่อ: 28/08/2563....,
เขียนโดย คุณปราโมทย์ โอภาสมงคลชัย
ผู้เชี่ยวชาญในการสร้างพฤติกรรมความปลอดภัย THE SAFETY COACH
บทบาทของ จป. ในยุค 4.0
จป. ในยุค 4.0 เราจะต้องมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง กับโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เวลาที่เราพูดถึง 4.0 นั่นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงด้านนวัตกรรม รวมถึงเรื่องของการบริการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
จป. วิชาชีพ จัดว่าเป็นบุคคลสำคัญมาก ในการผลักดันงานด้านอาชีวอนามัยในสถานประกอบการ ดังนั้นสิ่งที่เราจำเป็นจะต้องทำก็คือ “การพัฒนาตัวเอง” ให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
“นวัตกรรม” หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ถ้ามีคนทำสิ่งใหม่ขึ้นมา โดยยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน เราเรียกว่า นวัตกรรม เช่น การใช้ Drone ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง หมวกนิรภัยที่เรืองแสงเวลาอยู่ในที่มืด หรือ ถุงมือนิรภัยเรืองแสงที่ใช้สำหรับให้สัญญาณในการใช้เครน สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต แต่ถ้ามีคนทำมาใหม่ซึ่งแตกต่างจากเดิมก็ถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่
การจัดบอร์ดนิทรรศการความปลอดภัย สมัยก่อน ก็จะเป็นตัวหนังสือแต่ปัจจุบันเราจะเห็นว่าได้มีการนำเรื่องของอินโฟกราฟิกมาใช้ รวมไปถึงในกรณีที่ต้องการให้ผู้อ่านศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถใส่ QR Code เพื่อการค้นข้อมูลที่มากขึ้นหรือ การทำ JSA ที่มีแต่ตัวหนังสือ ตอนนี้แต่ละขั้นตอนก็มีรูปภาพ หรือ คลิปวีดีโอประกอบ เพื่อง่ายต่อการเข้าใจ
การฝึกอบรม สมัยก่อนเราก็จะเปลืองกระดาษอย่างมากในการทำแบบประเมินหลักสูตร แต่ตอนนี้เราก็ได้นำเรื่องขอ QR Code ที่ลิงค์ไปสู่ Google doc เพื่อทำแบบประเมิน ช่วยลดปริมาณขยะ ช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นนวัตกรรม ที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นวัตกรรมจะเกิดขึ้นได้นั้น ก็ต้องอาศัยทักษะ และความชาญฉลาดของมนุษย์ จากประสบการณ์ของผม ความปลอดภัย BBS นั้น เราไม่อาจจะใช้วิธีการเดิมได้ เพราะว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความคิด มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
สมัยนี้หากเราจะเขียน Content ไม่ว่าจะเขียนลงใน Facebook หรือเตรียมเนื้อหาใน YouTube ถ้า 7 วินาทีแรก เราไม่สามารถที่จะสะกดให้คนอ่าน หรือ คนดูอยู่กับเราได้ เขาก็จะไปดูอย่างอื่นมากกว่า ในงานด้านความปลอดภัยนั้น จป.ต้องสื่อสารเป็นอย่างมากเพื่อ “ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยง ให้เป็นพฤติกรรมที่เกิดความปลอดภัย” ดังนั้น หากสิ่งที่เราพูด สิ่งที่เราสื่อสาร ถ้าไม่สามารถหยุดให้เขาฟัง หยุดให้เขาอยู่กับเราได้ ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร สิ่งที่เป็นทักษะ ที่ต้องนำมาพัฒนาสำหรับทุกคน เพื่อนำไปสู่ 4.0 ที่ผมพูดถึง อาจจะไม่ได้พูดถึงเทคโนโลยีที่เรา มีโดยเฉพาะหลักการนี้ ที่เรียกว่า 5C แต่มันคือ ต้นเหตุที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ
C1- Communication
สื่อสารอย่างไรให้ผู้ฟัง เกิดความเข้าใจ ชัดเจน กระชับตรงประเด็น ไม่ใช่เพียงแค่การพูด เท่านั้น แต่การเขียนเองก็นำมาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นอีเมล และ บทความต่างๆ
C2- Creativity
ความคิดสร้างสรรค์ หมายถึง สิ่งที่ดีกว่าและแตกต่าง ถ้าสิ่งใดก็ตามที่แตกต่างและดีกว่าเดิม เราเรียกว่า “ความคิดสร้างสรรค์” เช่น ในการสอนคนส่วนใหญ่ใช้เรื่องของการพูด แต่บางคนใช้กิจกรรมนำความรู้ บางคนให้ลงมือทำก่อนเข้าสู่เนื้อหา แตกต่างกัน และดีกว่า เรียกว่า ความคิดสร้างสรรค์ บางคนแทนที่จะเดินไปบอกพนักงานว่า ให้ทำงานระมัดระวังนะเพราะคนที่บ้านรออยู่ แต่บางคนอาจใช้คำคมบอกว่า “บริษัทขาดคุณไปบริษัทอยู่ได้ แต่ครอบครัวคุณไปครอบครัวดูไม่ได้” คุณคิดว่าอย่างไร? แบบนี้ก็เรียกว่า เป็นความคิดสร้างสรรค์แล้ว
C3- Cooperation
การทำงานร่วมกับผู้อื่น ถ้าเราทำคนเดียวก็ไปได้เร็ว แต่ถ้าทำกันเป็นทีมไปได้ไกล มีตัวตายตัวแทน เมื่อเราไม่อยู่ การทำงานเป็นทีมเป็นเรื่องที่สำคัญมากโลกปัจจุบัน แต่เดี๋ยวนี้เราแข่งกันเรียน แข่งกันทำมาหากิน แข่งขันมากกว่าแบ่งปัน ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีความสามัคคี การทำงานเป็นทีมก็ย่อมไม่มีประสิทธิภาพ ทักษะการฟัง และการยอมรับเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่เราต้องฝึก ในการที่จะทำงานกันเป็นทีมได้
C4- Critical thinking
การคิดวิเคราะห์ หรือ คิดรอบด้าน จะทำให้เราสามารถเห็นมุมมองต่างๆที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น หรือ ไม่ได้มอง โดยเฉพาะ CEO หรือ ผู้นำจะมีความชำนาญในเทคนิคนี้เป็นอย่างมากในการบริหารจัดการ ในยุคปัจจุบันระบบ AI เข้ามาทำให้เราเสพแต่ข้อมูลเฉพาะที่เราสนใจ เช่น เราสนใจเเรื่องการอบรม Social Media ก็จะส่งข่าวสารแต่เรื่องของการอบรมมาให้เรา ทำให้เราถูกปิดมุมมอง ที่เราควรจะเห็นเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การเรียนรู้จากการทำกิจกรรม การโค้ช การให้คำปรึกษา ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดการพัฒนาเรียนรู้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน การเสพข้อมูลให้หลากหลายเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก และต้องตั้งสติให้ดี
C5-Coaching
การโค้ช เป็นกระบวนการที่แตกต่างจากการสอน ที่เน้นให้คำตอบด้วยการบอก แต่ การโค้ชจะให้คำตอบโดยการ การตั้งคำถาม ลองสังเกตดูนะครับว่า หลายครั้งที่เราต้องบอกพนักงานบ่อยๆ ก็เพราะว่าเราบอกมาตลอด จนเขาไม่ได้คิด หรือ คิดไม่เป็น แต่ถ้าเราตั้งคำถามให้เขาคิด โดยให้เขาคิดได้เอง นั่นคือการสร้างความตระหนักรู้ อย่างไรก็ตามการโค้ชนั้นก็จำเป็นจะต้องได้รับการอบรมมาก่อน และฝึกฝนจนเชี่ยวชาญก่อนที่จะนำไปช่วยเหลือผู้อื่นให้เกิดความตระหนักรู้ในเรื่องความปลอดภัย
C ทั้ง 5 ที่ผมบอกมานั้น จริงๆแล้วล้วนอยู่ในเรื่องเดียวกันครับ คือ เรื่องของภาวะผู้นำ หรือ “ผู้นำด้านความปลอดภัย” นั่นเอง
โลกปัจจุบันนั้นสินค้าราคาแพง เงินทองไม่ได้หาได้ง่ายๆ แม้แต่ตัวเราเองก็ระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะในองค์กรที่เราอยู่นั้น หลายที่ก็ระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมาก และนายจ้างส่วนใหญ่เชื่อว่า Human is the most expensive ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับคนนั้น แพงที่สุด ดังนั้น ถ้าใครไม่มีความสามารถ ไม่สร้างประโยชน์กับองค์กรอย่างคุ้มค่า เขาก็คงหาคนอื่นมาทำแทน จงอย่าประมาท อย่าคิดว่า จป.ไม่ตกงาน เพราะกฎหมายบังคับซึ่งเราเห็นความไม่แน่นอนเกิดขึ้นมากมายในปัจจุบัน หากอยากประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูงสุด ในหน้าที่การงาน จงอย่าเป็นคนกลาง เพราะคนกลาง คือ คนที่โง่ที่สุดในกลุ่มของคนที่เก่งที่สุด แล้วก็ฉลาดที่สุดในกลุ่มของคนที่โง่ที่สุด จะทำอะไรก็ต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้ หากต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
หากทำแล้ว ไม่ดีที่สุด หรือ ไม่สำเร็จ อย่างน้อยก็ดีกว่าจุดที่เรายืนอยู่กับที่ ยืนนิ่งๆ ที่มันค่อยๆจมลงเรื่อยๆ ขอให้ลงมือทำเพื่อพัฒนาตนเองกันเถอะครับ จป. 4.0